ETF คืออะไร มีกี่ประเภท แตกต่างจากหุ้นและกองทุนรวมอย่างไร?

ETF คืออะไร? มีกี่ประเภท
Table of Contents

ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนทำความรู้จักว่า ETF คืออะไร มีกี่ประเภท แตกต่างจากหุ้นและกองทุนรวมอย่างไร? ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มือใหม่ควรรู้เกี่ยวกับ ETF ค่ะ ถ้าพร้อมกันแล้วไปเริ่มกันเลย!

*คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน และบทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้ชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด


ETF คืออะไร?

ETF คืออะไร

ETF ย่อมาจาก Exchanged Traded Fund คือ กองทุนที่มีนโยบายลงทุนตามการอ้างอิงดัชนีต่าง (Index Fund) ไม่ว่าจะเป็นดัชนี SET50, SET100, ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, ทองคำ, ราคาน้ำมัน และดัชนีตราสารหนี้ เป็นต้น ซึ่ง ETF จะให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

⭐ ลักษณะเด่นของ ETF ⭐

ETF มีการรวมลักษณะเด่นต่าง ๆ ของกองทุนรวมทั่วไปและหุ้นเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่ง ETF จะลงทุนในกลุ่มหุ้นหรือพันธบัตร ในขณะที่นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนได้ตลอดวันทำการจนกว่าตลาดจะปิดเหมือนกับตลาดหุ้น และข้อนี้สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ กองทุน ETF จะอิงผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงตามที่ระบุไว้นั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น MSCI India Index นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีดังกล่าวด้วยค่าธรรมเนียมที่น้อยกว่า โดยเราจะได้ผลตอบแทนในการลงทุน ETF จากเงินปันผล (Dividend Yield) และส่วนต่างราคา (Capital Gain)

ETF = กองทุนรวม (ทุนน้อย กระจายความเสี่ยง) + หุ้น (คล่องตัว ราคาซื้อขาย Real-Time)

⭐ Tip ETF ต้องเสียภาษีไหม?

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังสงสัยว่า การลงทุนใน ETF ต้องเสียภาษีไหม คุณน้าขอบอกว่า กำไรที่ได้จากการซื้อขาย ไม่ต้องเสียภาษีค่ะ แต่หากนักลงทุนได้รับเงินปันผลจะต้องจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10%


จุดเด่นของการลงทุน ETF

1. การซื้อขาย ETF สามารถทำได้แบบ Real-Time ซึ่งเหมือนกับการซื้อขายหุ้น

2. การกระจายความเสี่ยงของการลงทุน เหมือนกับกองทุนรวมที่ไม่ได้มีการลงทุนสินทรัพย์เพียงประเภทเดียว

3. ค่าธรรมเนียมถูกกว่าการซื้อขายหุ้น

4. จำนวนเงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อขายหุ้น ซึ่งนักลงทุนที่มีเงินทุนน้อยก็สามารถลงทุนได้

⚠️ ความเสี่ยงของการลงทุน ETF

1. ความเสี่ยงของราคา ETF ที่มีการปรับตัวขึ้นลงจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ, สังคม และการเมือง เป็นต้น

2. ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของบริษัทเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการให้ผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิง

3. ความเสี่ยงในด้านอัตราการแลกเปลี่ยน เนื่องจาก ETF มีการอ้างอิงกับหลักทรัพย์ของต่างประเทศ


ETF มีกี่ประเภท?

1. Equity ETF

Equity ETF คือ กองทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหุ้นไทย ซึ่งคุณน้าเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรู้จักกับ Equity ETF ประเภทนี้ดี หากกล่าวถึง SET50 หรือ SET100 นั่นเองค่ะ

2. Sector ETF

ETF ประเภทที่ 2 คือ Sector ETF เป็นกองทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร, ค้าปลีก, เทคโนโลยี และพลังงาน เป็นต้น ซึ่ง Sector ETF เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง เพราะหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมต้องอาศัยการศึกษาความเชื่อมั่นของตลาดในอนาคตพอสมควร

3. Foreign ETF

Foreign ETF เป็นกองทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นการลงทุนไปที่ธีมหรือเมกะเทรนด์ที่นักลงทุนให้ความสนใจค่ะ ทำให้ ETF ประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น คุณจะต้องกระจายความเสี่ยงให้ดี อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในเรื่องอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินอีกด้วยค่ะ

4. Gold ETF

Gold ETF เป็นกองทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาทองคำ ซึ่งบางกองทุนสามารถซื้อทองคำจริงเก็บไว้ได้ค่ะ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน ทำให้อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาดูแลทองคำ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่กำลังมองหาทางเลือกในการลงทุนประเภทอื่น

5. Bond ETF

Bond ETF เป็นกองทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาตราสารหนี้ ซึ่ง ETF ประเภทนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน


Leverage ETF คืออะไร?

“Leverage ETF คือ ETF ที่ให้ผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงแบบอัตราทด ดังนั้น Leverage ETF จึงอาจให้ผลตอบแทนมากกว่า ETF แบบปกติ”

Leverage ETF คือ ETF ที่ให้ผลตอบแทนตามอัตราทด ซึ่งจะอ้างอิงดัชนีแบบคูณ 2 หรือคูณ 3 ทำให้ต่างจาก ETF แบบปกติค่ะ อย่างที่เราทราบกันดีว่า โดยปกติแล้ว ETF จะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้ได้มากที่สุด แต่ Leverage ETF จะให้ผลตอบแทนตามอัตราทด (Leverage) แบบทวีคูณ ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับอัตราทดที่นักลงทุนเลือกใช้ด้วยค่ะ

โดยปกติแล้ว นักลงทุนจะลงทุนประเภท Leverage ETF แบบระยะสั้น 1-2 สัปดาห์แล้วเทขาย เนื่องจากการลงทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง เพราะหากตลาดอยู่ในช่วงขาลง ผลตอบแทนของเราก็จะลดลงหลายเท่า

คุณน้ายกตัวอย่าง Leverage ETF

คุณน้าสนใจหุ้น TSLA โดยเลือกลงทุน 3TSL ซึ่งเป็น Leverage ETF แบบสร้างผลตอบแทนคูณ 3 จากหุ้น TSLA หากราคาหุ้น TSLA ในวันนี้ +5% 3TSL ก็จะให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น +15% แต่หากหุ้น TSLA ในวันนี้ -5% 3TSL ก็จะได้ผลตอบแทนลดลง -15% ดังนั้น จะเห็นได้ว่า 3TSL จะอิงกับราคาของ TSLA โดยจะทวีคูณ 3 จากการเปลี่ยนแปลงของราคา TSLA ซึ่งนับเป็น % นั่นเองค่ะ

Inverse ETF คืออะไร?

หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับ ETF แบบทั่วไป และ Leverage ETF กันไปแล้ว ยังมี ETF ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดขาลง อย่าง Inverse ETF ที่นักลงทุนมือใหม่ควรทำความรู้จักค่ะ 

Inverse ETF คือ กองทุนรวม ETF ที่สร้างผลตอบแทนสวนทางกับดัชนีอ้างอิง กล่าวคือ หากดัชนีอ้างอิงลดลง -1% ผลตอบแทนของ Inverse ETF ก็จะเพิ่มขึ้น +1% ดังนั้น Inverse ETF จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดขาลง เพราะการลงทุนประเภทนี้ จะใช้วิธีการเดียวกันกับการ Short หุ้น ซึ่งจะรวมไปถึงเครื่องมือตราสารอนุพันธ์และการใช้อัตราทด (Leverage) อีกด้วยค่ะ

คุณน้ายกตัวอย่าง Inverse ETF

คุณน้าสนใจลงทุนหุ้น TSLA ในช่วงตลาดขาลง โดยเลือกลงทุน TSLQ ซึ่งเป็น Inverse ETF ในอัตราทด 2 เท่า หากราคาหุ้น TSLA ในวันนี้ ลดลง -1% TSLQ ก็จะให้ผลตอบแทนตรงกันข้าม ก็คือ ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น +2%

สรุปสาระสำคัญของ Leverage และ Inverse ETF

คุณลักษณะสำคัญLeverage ETFInverse ETF
ผลตอบแทนขยายผลตอบแทนตามอัตราทด
(Leverage)
ผลตอบแทนสวนทางกับดัชนีอ้างอิง
(มีทั้งแบบไม่มีอัตราทดและมีอัตราทด)
เหมาะกับตลาดแบบไหนตลาดขาขึ้นตลาดขาลง
ความเสี่ยง– มีค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF ทั่วไป
– ระวังการกลับตัวของตลาด ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนที่เพิ่มมากขึ้น
– ผันผวนสูง
– มีค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF ทั่วไป
– ผันผวนสูง
– เนื่องจากใช้อัตราทด ทำให้มีความเสี่ยงในการขาดทุนมากขึ้น
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน นักลงทุนระยะสั้น


ประเทศไทยลงทุน Leverage และ Inverse ETF ได้ไหม?

สำหรับประเทศไทยนั้น การลงทุนแบบ Leverage และ Inverse ETF ยังไม่ได้รับการรับรองค่ะ เนื่องจาก ก.ล.ต. เล็งเห็นว่า การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทาง ก.ล.ต. ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์รองรับ Leverage และ Inverse ETF เพื่อให้การลงทุนมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งมีผลบังคับใช้ 16 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป โดยการประกาศกฎเกณฑ์ Leverage และ Inverse ETF มีรายละเอียดตามรูปภาพด้านล่าง ดังนี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ก.ล.ต.


ความแตกต่างของ ETF หุ้น และกองทุนรวม

คุณน้าได้รวบรวมความแตกต่างของ ETF หุ้น และกองทุนรวม เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามตารางด้านล่างนี้เลยค่ะ

ETFหุ้นกองทุนรวม
กระจายการลงทุน
ผู้ดูแลสภาพคล่อง*
ระดับผลตอบแทนต่ำ-สูงสูงต่ำ-สูง
ความเสี่ยงต่ำ-สูงสูงต่ำ-สูง
ราคาซื้อขายReal-TimeReal-Timeรอสิ้นวันทำการ
ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ได้ได้ไม่ได้
ค่าธรรมเนียมการซื้อขายขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์เป็นผู้กำหนดขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์เป็นผู้กำหนดขึ้นอยู่กับ บลจ.
ระยะเวลาชำระราคาT+2T+2T+4
จำนวนขั้นต่ำซื้อขาย100 หน่วยลงทุน100 หุ้นไม่ระบุหน่วยแต่มีจำนวนเงินขั้นต่ำ
ผลตอบแทนเงินปันผลและส่วนต่างของราคาซื้อขาย

📢 เกร็ดความรู้ ผู้ดูแลสภาพคล่องคืออะไร?

ผู้ดูแลสภาพคล่องหรือ Market Maker คือ บริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องในการซื้อขายสินทรัพย์ เพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายราคาให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของดัชนีอ้างอิงได้อย่างเหมาะสม


กองทุน ETF ในไทย มีอะไรบ้าง?

ในปัจจุบัน กองทุน ETF ในไทย มีทั้งหมด 11 กองทุน จาก 6 บลจ. โดยจะแบ่งออกเป็น 5 ประเภท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ตารางสรุปกองทุน ETF ในไทย

กองทุน ETFดัชนีหุ้นในประเทศดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดัชนีหุ้นต่างประเทศดัชนีทองคำดัชนีตราสารหนี้
1DIVSET High Dividend 30 Index (SETHD)
BMSCGBCAP Mid Small Cap CG Index TR
BMSCITHMSCI Thailand ex-Foreign Board Index
BSET100SET100 TRI
TDEXSET50
ENGY & ENYSET Energy & Utilities Sector Index
CHINAW.I.S.E CSI300 China Tracker ETF
UHEROSolactive Video Games & Esports Index
UBOTIndxx Global Robotics & Artificial Intelligence Thematic Index
ABFTHIBOXX ABFTH Index
GLDThe Price of Gold Bullion 99.5%

ที่มา : SET


นักลงทุนมือใหม่ที่มีความสนใจอยากลงทุน ETF สามารถเลือกลงทุนได้ทั้งในไทยและต่างประเทศค่ะ โดยคุณน้าได้รวบรวมข้อควรรู้เกี่ยวกับการลงทุน ETF ในไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

ลงทุน ETF ทำยังไง?

  • ติดตามผลและปรับกลยุทธ์การลงทุนต่อไป
  • เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ 
  • เลือก ETF ที่คุณสนใจ โดยดูจาก Performance ของกองทุนนั้น ๆ ซึ่งพิจารณาจากสภาพคล่องและความนิยมของกองทุน, ผลดำเนินการย้อนหลัง และค่าบริหารจัดการกองทุน
  • ส่งคำสั่งซื้อขาย ETF ผ่านโปรแกรม Streaming หรือส่งคำสั่งผ่านผู้แนะนำการลงทุนของคุณ

คุณน้าส่องแว่นขยาย

นักลงทุนมือใหม่คงสับสนว่า กองทุน ETF และ ETF เหมือนกันหรือไม่? คุณน้าขอบอกว่า การลงทุนทั้ง 2 ประเภท แตกต่างกันค่ะ

นักลงทุนสามารถซื้อกองทุน ETF ได้ผ่าน บลจ. ไทย ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะนำเงินทุนของเราและนักลงทุนคนอื่น ๆ ไปลงทุนตามนโยบายที่ให้ไว้ โดยจะมีการหักค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

ส่วนการลงทุน ETF คือ นักลงทุนสามารถซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ได้โดยตรง ซึ่งนักลงทุนต้องเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศและรับความเสี่ยงจากอัตราการแลกเปลี่ยนของค่าเงินด้วยเองค่ะ


ถามตอบทุกเรื่องเกี่ยวกับ ETF

ETF ย่อมาจากอะไร?

ETF ย่อมาจาก Exchange Traded Fund คือ กองทุนที่ลงทุนในดัชนีอ้างอิงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดัชนี SET50, SET100, ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, ทองคำ, ราคาน้ำมัน และดัชนีตราสารหนี้ เป็นต้น ซึ่งจะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้ได้มากที่สุด

การเคลื่อนไหวของราคา ETF เป็นอย่างไร?

การเคลื่อนไหวของราคา ETF จะถูกกำหนดโดยราคา Bid-Ask และราคาซื้อขายของ ETF จะต้องใกล้เคียงกับมูลค่าต่อหน่วยของทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) ซึ่งจะถูกคำนวณมาจากราคาปิดของสินทรัพย์ ณ สิ้นวันทำการ 

ในระหว่างเวลาซื้อขาย ผู้ออก ETF จะเผยแพร่ข้อมูลมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณ (iNAV) ทุก ๆ 15-30 วินาที เพื่อให้นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจ ก่อนลงทุนค่ะ

ETF มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

บริษัทหลักทรัพย์จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายการซื้อและรายการขาย (Commission Fee) ตามอัตราที่กำหนด รวมถึงยังมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของ Commission Fee อีกด้วย

ลงทุน ETF เสี่ยงไหม?

การลงทุน ETF มีความเสี่ยงค่ะ โดยสามารถแบ่งความเสี่ยงออกเป็น 3 ข้อหลัก ๆ ได้แก่ ความเสี่ยงของราคา ETF ที่มีการปรับขึ้นลง, ความเสี่ยงด้านการดำเนินการในแต่ละบริษัท และความเสี่ยงด้านอัตราการแลกเปลี่ยน

ETF ในไทย มีอะไรบ้าง?

ETF ในไทยมีทั้งหมด 11 กองทุน จาก 6 บลจ. ได้แก่ 1DIV, BMSCG, BMSCITH, BSET100, TDEX, ENGY & ENY, CHINA, UHERO, UBOT, ABFTH และ GLD

ETF จ่ายปันผลไหม?

การจ่ายปันผลของ ETF จะขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน บางกองทุนก็มีนโยบายจ่ายเงินปันผล แต่บางกองทุนก็ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาเงื่อนไขของแต่ละกองทุนให้ดี ก่อนตัดสินใจลงทุนค่ะ

ETF เสียภาษีไหม?

สำหรับนักลงทุนทั่วไปจะถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% ของเงินปันผล ซึ่งจะไม่ถูกคิดรวมกับภาษีเงินได้ในช่วงปลายปี ส่วนเงินได้จากการขายหน่วยลงทุนจะได้รับการยกเว้นเสียภาษี


สรุป ETF คืออะไร?

ETF คือ กองทุนรวมดัชนีที่มีนโยบายการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีอ้างอิงต่าง ๆ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของการซื้อขายแบบ Real-Time และการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมน้อยกว่าหุ้นอีกด้วยค่ะ

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังมองหาการลงทุนที่น่าสนใจ ETF ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีค่ะ เนื่องจากใช้เงินลงทุนค่อนข้างต่ำ อีกทั้ง ยังกระจายความเสี่ยงของการลงทุนได้อีกด้วย

อย่างไรก็ดี การลงทุนล้วนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าเทรดค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : SET, Thunhoon และ Dime


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of คุณน้า
คุณน้า
Recent Post
วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 15 พฤษภาคม 2025
วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 15 พฤษภาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

บทวิเคราะห์คู่เงิน AUDUSD 14 พฤษภาคม 2025
บทวิเคราะห์คู่เงิน AUDUSD วันที่ 14 พฤษภาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ AUDUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

ภาษี e-Payment ค้าขายออนไลน์ต้องรู้
ภาษี e-Payment คืออะไร? ค้าขายออนไลน์ต้องรู้! อัปเดตล่าสุด

คุณน้าจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับภาษี e-Payment คืออะไร? มีเกณฑ์ในการเสียภาษีอย่างไรบ้าง? รวมถึงวิธีการเตรียมตัวเพื่อให้สามารถยื่นภาษี e-Payment ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว

โบนัสฟรี Forex คืออะไร?
โบนัสฟรี คืออะไร? มีขั้นตอนการรับอย่างไร!

ปัจจุบันโบรกเกอร์มีการงัดกลยุทธ์การตลาดมากมาย เพื่อใช้ในการดึงดูดเทรดเดอร์ให้เข้ามาใช้บริการ ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือ “การให้โบนัสฟรี” นั่นเอง

[elfsight_cookie_consent id="1"]

ทางเว็บไซต์ คุณน้าพาเทรด
ได้มีการใช้คุกกี้เพื่อช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น


Privacy Policy